แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) เตรียมปลดพนักงานเพิ่มอีกกว่า 200 คนเพื่อ “นำสโมสรกลับสู่การทำกำไร” หลังจากที่ปีที่แล้วได้มีการปลดพนักงานไปแล้วกว่า 250 คนในมาตรการลดต้นทุนรอบแรกโดย เซอร์ จิม แร็ทคลิฟฟ์ (Sir Jim Ratcliffe) เจ้าของร่วมของสโมสร ในการประชุมกับพนักงานเมื่อวันจันทร์ โอมาร์ เบอร์ราดา (Omar Berrada) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของยูไนเต็ด ได้แจ้งให้พนักงานทราบว่าจะมีการปลดพนักงานรอบใหม่เพิ่มเติมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนการเปลี่ยนแปลง” ทางสโมสรระบุว่า: “แผนการเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อนำสโมสรกลับสู่การทำกำไรหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 5 ปีตั้งแต่ปี 2019” และเพิ่มเติมว่า “จะมีการปลดพนักงานประมาณ 150-200 คน ขึ้นอยู่กับกระบวนการปรึกษาหารือกับพนักงาน” โดยคาดว่ากระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2024 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีพนักงานทั้งหมด 1,140 คน ดังนั้นการปลดพนักงานรวม 450 คนจะคิดเป็น 39% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดของสโมสร เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สโมสรได้เปิดเผยผลขาดทุนจำนวน 27.7 ล้านปอนด์ในผลประกอบการทางการเงิน sbobet ไตรมาสที่สอง และ “ปีศาจแดง” (Red Devils) ขาดทุนไปมากกว่า 300 ล้านปอนด์ในช่วงสามปีที่ผ่านมา sbobet ยูไนเต็ด กำลังมุ่งหน้าสู่การจบอันดับต่ำสุดในยุค พรีเมียร์ลีก (Premier League) โดยทีมของ รูเบน อาโมริม (Ruben Amorim) อยู่ในอันดับที่ 15 ของตารางหลังเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน (Everton) 2-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สโมสรเพิ่มเติมว่ามาตรการเพิ่มเติมกำลังถูกนำมาใช้เพื่อ “ปรับปรุงความยั่งยืนทางการเงินของสโมสรและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน นี่จะสร้างฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นซึ่งสโมสรสามารถลงทุนในความสำเร็จของฟุตบอลชายและหญิงและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน” เบอร์ราดา กล่าวว่า “เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปสู่ตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อคว้าชัยชนะทั้งในทีมชาย ทีมหญิง และทีมอคาเดมี่ การตัดสินใจที่ยากลำบากเหล่านี้มีความจำเป็นเพื่อนำสโมสรกลับสู่ฐานะทางการเงินที่มั่นคง” “เราขาดทุนมาแล้ว 5 ปีติดต่อกัน สิ่งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ลำดับความสำคัญหลักสองประการของเราในฐานะสโมสรคือการสร้างความสำเร็จในสนามให้กับแฟนๆ ของเราและการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกของเรา เราไม่สามารถลงทุนในวัตถุประสงค์เหล่านี้ได้หากเราขาดทุนอย่างต่อเนื่อง”
วิกฤตการเงินครั้งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับความตกต่ำของทีมที่จำเป็นต้องยกระดับขึ้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) หนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์ของสโมสร การประกาศปลดพนักงานครั้งล่าสุดจำนวน 150-200 คนเป็นสัญญาณชัดเจนว่าสถานการณ์ทางการเงินของ “ปีศาจแดง” (Red Devils) กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตอย่างรุนแรง เมื่อรวมกับการปลดพนักงานในครั้งก่อนจำนวน 250 คน ทำให้มีพนักงานที่ต้องออกจากสโมสรรวมทั้งสิ้นกว่า 450 คน คิดเป็น 39% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด นับเป็นการลดขนาดองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการปรับโครงสร้างองค์กรอย่างรุนแรง เซอร์ จิม แร็ทคลิฟฟ์ (Sir Jim Ratcliffe) เจ้าของร่วมคนปัจจุบันซึ่งเข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อไม่นานมานี้ ต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนักในการพลิกฟื้นสถานการณ์ทางการเงินของสโมสร การตัดสินใจปลดพนักงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ “แผนการเปลี่ยนแปลง” ที่มีเป้าหมายเพื่อนำสโมสรกลับสู่การทำกำไรหลังจากขาดทุนติดต่อกัน 5 ปีตั้งแต่ปี 2019
ตัวเลขทางการเงินที่น่าตกใจแสดงให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาดทุนไปแล้วมากกว่า 300 ล้านปอนด์ในช่วงเพียงสามปีที่ผ่านมา
และล่าสุดในไตรมาสที่สองของปีการเงินปัจจุบัน สโมสรยังคงขาดทุนอีก 27.7 ล้านปอนด์ สถานการณ์นี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้หากสโมสรต้องการความอยู่รอดในระยะยาว โอมาร์ เบอร์ราดา (Omar Berrada) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของสโมสร ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการตัดสินใจที่ยากลำบากเหล่านี้ โดยระบุว่า “มาตรการเหล่านี้มีความจำเป็นเพื่อนำสโมสรกลับสู่ฐานะทางการเงินที่มั่นคง” เขาเข้าใจดีว่าสโมสรไม่สามารถลงทุนในการพัฒนาทีมและโครงสร้างพื้นฐานได้หากยังคงขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ความท้าทายทางการเงินของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นผลจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดหลายปีภายใต้การนำของตระกูลเกลเซอร์ (Glazer) การลงทุนในนักเตะที่ไม่คุ้มค่า สัญญาค่าจ้างที่สูงเกินไป รวมถึงการขาดวิสัยทัศน์ทางกีฬาที่ชัดเจน ล้วนเป็นปัจจัยที่นำไปสู่วิกฤตในครั้งนี้ สถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลงานในสนาม ปัจจุบัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ รูเบน อาโมริม (Ruben Amorim) กำลังดิ้นรนอยู่ในอันดับที่ 15 ของตาราง พรีเมียร์ลีก (Premier League) ซึ่งเป็นผลงานที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรในยุค พรีเมียร์ลีก การปลดพนักงานและการปรับโครงสร้างเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องมีแผนระยะยาวที่ชัดเจนในการพัฒนาทั้งด้านกีฬาและธุรกิจ การสร้างรายได้จากแหล่งใหม่ๆ การปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และที่สำคัญที่สุดคือการกลับมาประสบความสำเร็จในสนามแข่งขัน ทางสโมสรได้ระบุถึงลำดับความสำคัญหลักสองประการคือ “การสร้างความสำเร็จในสนามให้กับแฟนๆ และการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก” แต่การบรรลุเป้าหมายเหล่านี้จำเป็นต้องมีฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง สำหรับแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั่วโลก นี่เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก การเห็นสโมสรที่พวกเขารักและเคยเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกฟุตบอลต้องดิ้นรนทั้งในและนอกสนาม เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังว่าภายใต้การนำของ เซอร์ จิม แร็ทคลิฟฟ์ (Sir Jim Ratcliffe) และทีมบริหารชุดใหม่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะสามารถฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้และกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม ประวัติศาสตร์ของสโมสรได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวและกลับมาประสบความสำเร็จหลังช่วงเวลาที่ยากลำบาก การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคที่มีความยั่งยืนทางการเงินและความสำเร็จในสนามควบคู่กันไป แม้ว่าเส้นทางจะยังอีกยาวไกล แต่การตัดสินใจที่กล้าหาญในวันนี้อาจนำไปสู่อนาคตที่สดใสกว่าสำหรับหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
Leave a Reply